ธรรมาภิบาล กับโลกาภิวัฒน์
ที่เรารู้สึก ขัดสนด้วยกัน ในช่วงหลายปีมานี้ ประชาชนทำมาหากินยากขึ้นทุกวัน...ส่วนหนึ่ง เพราะการทำงานของฝ่ายปกครอง หลายยุคสมัย ไม่ยึดหลักคุณธรรม นิติธรรม ความโปร่งใส ความร่วมมือ ความรับผิดชอบ และความคุ้มค่า ซึ่งก็คือ หลักธรรมาภิบาล 6 หลัก นั่นเอง
สิ่งที่ตรงกันข้ามกับหลักธรรมาภิบาล สิ่งหนึ่งก็คือการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก
ระบบเศรษฐกิจ ที่ย่ำแย่เป็นรูปแบบของ โลกาภิวัฒน์ ไม่ใช่เพียงประเทศเราเท่านั้น
-------------------------------------------
แนวความคิดเรื่องธรรมาภิบาลกับโลกาภิวัฒน์ นับว่าเป็นเรื่องที่เพิ่งมีการกล่าวขวัญกันอย่างจริงจังเมื่อเร็วๆ นี้ โดยเฉพาะหลังจากเกิดวิกฤติการณ์การเงินในเอเชีย เมื่อปี 1997 (พ.ศ.2540) คือ การกล่าวอ้างขององค์กรระหว่างประเทศ เช่น ธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
ทั้งสององค์กรมีบทบาทสำคัญในการผลักดันวาระของธรรมาภิบาลให้เป็นวาระของโลก ในแง่ที่ว่า มูลเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดวิกฤติการณ์การเงินในเอเชียนั้น ก็เพราะประเทศในภูมิภาคแถบนี้ไร้ซึ่งธรรมาภิบาล ด้วยเหตุนี้ ทั้งธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)จึงได้เสนอแนวทาง “ธรรมาภิบาลระดับโลก” (global governance) ที่พยายามผลักดันให้ประเทศในแถบเอเชียและประเทศอื่นๆ พยายามเดินตามกรอบของธรรมาภิบาล
เพราะเชื่อว่า ด้วยหนทางนี้เท่านั้น ประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมากจะสามารถพัฒนาประเทศ ให้มีการพัฒนาที่ยั่งยืน ธนาคารโลกดูเหมือนจะเป็นองค์กรโลกบาลที่เชื่อมั่นดังกล่าวอย่างจริงจัง เพราะก่อนหน้าวิกฤติการณ์ทางการเงินในปี 1997 ธนาคารโลกเองได้ตีพิมพ์เผยแพร่เอกสารจำนวนไม่น้อย ชี้ให้เห็นถึง “ธรรมาภิบาลกับการพัฒนา”
-------------------------------------------
ทำไม ธนาคารโลก และ IMF เดือดร้อน และมาชี้นำให้แต่ละประเทศ ใช้หลัก goodgovernace (ธรรมาภิบาล)
ตอบแบบชาวบ้านครับ --- ผู้ออกเงินกู้ ให้กู้เงินไปแล้ว ลูกหนี้ไม่มีเงินส่งคืน
ในประเทศไทย
ฝ่ายปกครองที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณแผ่นดิน บางคน บ้างพลั้งเผลอใจ หลงกิเลสไปกับงานฉ้อฉล อาจเพียงกินค่าหัวคิว ขอสิ่งตอบแทนจากการทำงาน บ้างก็ยอมทำตามน้ำ เพราะเห็นแก่ บุญคุณที่เคยอุปถัมภ์ค้ำชู บ้างก็มีความเกรงใจ บ้างก็คาดหวังจะได้พึ่งพาบารมีภายหน้า คิดไปไกลเกินเหตุ
คนส่วนนี้ ไม่ได้ไม่ดีโดยสันดาน เมื่อมีคนดี มาเป็นเพื่อนเป็นผู้ชี้นำ หรือเมื่อกลับมาใช้ชีวิตครอบครัวด้วยความพอเพียง และได้นั่งนึกตรึกตรอง ถึงความ สุขที่แท้ ที่ไม่ต้องคอยพะวงความผิดร่วม ท่านเหล่านี้ก็มีโอกาศ สามารถกลับมาเป็นผู้นำทางความดี กลายเป็นกำลังที่ยื่งใหญ่ ให้สังคมได้เข้มแข็งอย่างรวดเร็ว ยั่งยืน
-------------------------------------------
บางคน มักใหญ่ใฝ่สูง ทำตัวฟุ้งเฟ้อ บ้างก็เป็นนักฉกฉวย โลภมาก คนส่วนนี้มักใช้วาทะสร้างความคาดหวังให้ผู้ยากไร้เงินทอง/สติ คนประเภทนี้จะโน้มน้าวใจคนได้คนเก่ง และใช้ทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการ แม้เมื่อได้มาแล้ว กลับไม่ได้ทำตามคำพูดอย่างที่เคยให้ความหวังไว้แต่อย่างใด แม้นอำนาจ ที่ใช้ในทางฉ้อฉล สามารถทำให้กลายเป็นเศรษฐี กันทั้งตระกูล ภายในพริบตา แต่นั่นเป็นตราบาปติดตัวที่สร้างขึ้น เป็นชนักติหลังชีวิตตนเอง ไปจนสิ้นชีวิต ไปจนชั่วลูกชั่วหลาน และเลิกสันดานได้ยากนัก เป็นภัยอันตรายต่อสังคม
เราต้องนิ่งเฉยเสีย ไม่สนับสนุนต่อ หันไปสนับสนุน คนดีให้มีอำนาจควบคุม และวันหนึ่งคนประเภทนี้ ก็จะค่อยๆ หาย ไปจากแผ่นดิน ช้าเร็วขึ้นอยู่กับคนอย่างเราๆ นี่แหล่ะครับ ที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ (คนที่พร้อมจะดีหรือ กลับมาดี หรือยอมตามสิ่งที่ไม่ดี ต่อไป)
สร้างความสุขศิวิไลซ์ สร้างแผ่นดินสวยงาม ไว้ให้ลูกหลานเราเอง ในวันข้างหน้า ด้วยการช่วยกันเผยแพร่หลักธรรมาภิบาล เป็นเบื้องต้น
ค้นมาคุย โดย
ทรงวุฒิ อภิชนาพงศ์
เลขานุการ พลเอก ดร.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ